เตรียมตัวอย่างไรกับ English for Communication

ผู้เขียนได้ย้ำแล้วย้ำเล่าว่า ในการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อทดสอบ (Learning English for test) นั้น ผู้เรียนจะต้องเข้าใจในแต่ละหัวข้อที่เรียน
ในที่นี้ ผู้เขียนจะสรุปหัวข้อต่างๆ พร้อมตัวอย่างประโยค สำนวน หรือข้อทดสอบ เพื่อผู้เรียนจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

บทที่ 5 My University
มีหัวข้อหลักๆ คือ
1. Likes and dislikes
2. Things in classroom and descriptive adjectives
3. There is/there are + singular/plural nouns and adjectives
Expressing likes and dislikes
เป็นการพูดถึงสำนวนที่พูดถึงสิ่งที่ชอบ(likes) และไม่ชอบ(dislikes) อย่างไร อาจจะตอบตรงๆ ก็ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ การตอบตรงๆ ว่าชอบนั้นสำนวนที่ใช้ในประโยคคำถามมักมีคำที่มีความหมายว่าชอบ หรือไม่ชอบ เช่น like, love, prefer, enjoy อย่างนี้เป็นต้นและเป็นประโยคคำถามแบบ Yes/No questions เสียมากกว่า เรียกว่าถาม-ตอบกันตรงๆเลยว่าชอบหรือไม่ชอบ เช่น
ถาม- Do you like your university?
ตอบ-ถ้าชอบ = Yes, I do. / ถ้าไม่ชอบ = No, I don't.
(คำที่เป็นสีๆ ใส่ไว้เพื่อให้เห็นความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยาในประโยคคำถามกับคำตอบ)
นี่คือสำนวนที่ถามเกี่ยวกับความชอบแบบตรงๆ ถ้าหากเราจะเปลี่ยนข้อมูลเราจะเปลี่ยนตรงคำว่า university เท่านั้นนะครับ
ถ้าเราจะถามเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบ ดูตัวอย่างนะครับ
A: Do you like eating Somtum?
B: Yes, I do. /No, I don't.
*********************************************************
ต่อไปคือสำนวนเกี่ยวกับชอบ(likes) และไม่ชอบ (dislikes) แบบอ้อมๆ (Indirect)
คือการถามเพื่อให้บรรยายถึงสิ่งนั้นในเชิงดี (positive)หรือไม่ดี(negative)
-คำบรรยายที่เป็นเชิง positive นั่นแสดงว่า ชอบ(likes)
-คำบรรยายที่เป็นเชิงnegative นั่นแสดงว่า ไม่ชอบ (dislikes)
และสำนวนคำถามที่ใช้ก็แตกต่างจากการถามแบบตรงๆ มีหลากหลายสำนวนดังนี้;
- What do you think of your university?
- How do you like it here?
- How do you think of your university?
- How do you find your university?
หากเจอคำถามลักษณะนี้ คำตอบจะบอกว่าชอบหรือไม่ ก็ดูที่ความหมายของคำ ดูตัวอย่างนะครับ
A: How do you like your university?
B: It’s excellent. It’s very near my house, only five minutes walk.
ถ้าตอบอย่างนี้ก็ชัดเจนนะครับว่า ชอบ เพราะคำว่า excellent หมายถึง ยอดเยี่ยมนั่นเอง
สรุปว่าสำนวนถาม-ตอบบอกให้เรารู้ว่า เขาคุยกันเรื่องอะไร ดังนั้น ผู้เรียนต้องกำหนดให้ได้นะครับว่า หากถามแบบนี้ สำนวนคำตอบใดเหมาะสม หรือหากคำตอบแบบนี้ คำถามใดที่เป็นสำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกันและกัน
*******************************************************
หัวข้อถัดมาคือ **Adjectives describing things in the classroom
เช่น beautiful clean comfortable delicious dirty lovely nice old untidy modern
ก็เพียงแค่เลือกคำขยาย (adjectives) ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับคำนามต่างๆ ที่เกี่ยวกับห้องเรียน (things in the classroom)
ดูตัวอย่างนะครับ
dirty floor----------clean room----------lovely children
*************************************************************
ความสอดคล้องระหว่าง ***there is/are กับ Singular/ plural nouns
ง่ายๆ อย่างนี้ครับ
There is ตามด้วย Singular count noun /uncount noun
(--------------------นามนับได้เอกพจน์ และ--นามนับไม่ได้ทุกตัว)
There are ตามด้วย plural count noun
(--------------------นามนับได้พหูพจน์)
ดูตัวอย่างนะครับ
There are a lot of good fast-food restaurants in my university.
There is a glass next to the plate.

Forms
บอกเล่า: There is/ There are................................
ปฏิเสธ: There is not/ There are not ...........................(แค่ใส่ not ไว้หลัง)
คำถาม: Is there/ Are there .......................................? (แค่สลับกันระหว่างคำทั้งสอง)
หวังว่าคงไม่มีข้อสงสัยอะไรนะครับ
***********************************************************
ตำแหน่งการวาง Adjectives
1. วางไว้หน้าคำนาม ดูตัวอย่างนะครับ
-famous universities , a great place , friendly classmates
2. วางไว้หลัง verb 'be' ดูตัวอย่างนะครับ
- I’m really happy here.
- The weather here is very nice.
***********************************************************
***************Unit 6 How to get there*****************
ในบทนี้ ผู้เขียนขอสรุปหัวข้อที่สำคัญดังนี้
1. Asking for /giving direction (สำนวนที่ถาม-ตอบเกี่ยวกับทิศทาง)
2. Prepositions of direction (คำบุพบทบอกทิศทาง)
3. Imperative in instruction(ประโยคคำสั่ง)
*พูดถึงสำนวนที่เกี่ยวกับการบอกทาง แบ่งเป็น 2 คือ
-สำนวนที่ใช้ในการถามทาง ดูตัวอย่าง
* Excuse me. Where is Chandrakasem Rajabhat University, please?
* Excuse me, could you tell me where the main library is, please?
* Excuse me. I’m looking for the Graduate School, please?
(หากจะเปลี่ยนข้อมูล ก็เปลี่ยนเฉพาะตรงที่เป็นตัวหนังสือสีเขียวนะครับ)

-สำนวนที่ใช้ในการบอกทาง
* It’s on Rachadapisek Road.
* It’s opposite the Courts of Justice.
* It’s in front of the Computer Centre.
* It is not in this building but in the Kanchanapisek building.
* It’s on the fifteenth floor of that building.
(หากจะเปลี่ยนข้อมูล ก็เปลี่ยนเฉพาะตรงที่เป็นตัวหนังสือสีเขียวนะครับ)
นอกจากนี้ ยังมีสำนวนที่บอกทิศทางอีกมากมายเช่น



Turn left into Oxford Street.(เลี้ยวซ้าย)


Turn right into Oxford Street(เลี้ยวขวา)






Go/ walk/ drive straight on Elm Street.(ตรงไป)


Go/ walk along the river.(ไปตาม...)
พยายามจำและกำหนดสำนวนเหล่านี้ให้แม่นยำนะครับ เดี๋ยวจะหาที่ๆเขาให้หา หรือกำหนดให้ไม่เจอ
ถัดมาคือ **Prepositions of direction เช่น



-The bookshop is opposite the church.

- The bookshop is between the church and the pet shop.

- The bookshop is in front of the church.


- The bookshop is next to the church.


- The bookshop is behind the church.



- The bookshop is near the church.
*********************************************************
ส่วนเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่อง ประโยคคำสั่งที่ใช้ในการบอกทาง หมายถึงกริยาที่ขึ้นต้นด้วย Base Verb นั่นเอง
อย่าลืมนะครับว่า เราจะใช้ประโยคนี้กับคนที่เราพูดด้วยเท่านั้น เพราะฉะนั้น จึงเป็นที่เข้าใจว่า ประธานของประโยคเหล่านี้มีตัวเดียวคือ You นั่นเองครับ
*********************************************************
******************บทที่ 7 My Last Weekend*******************
ในบทนี้หลักๆเลยก็คือพูดถึงทั้งหมดที่เกียวข้องกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีต ดังนี้
- สำนวนประโยคคำถามเกี่ยวกับ last weekend หรือ past event
สำนวนที่ใช้ถามเกี่ยวกับ last weekend นั้น มีหลายสำนวน และมักจะใช้ past simple รูปคำถาม เช่น
- How was your weekend?
- Did you do anything on Saturday?
- What did you do on the weekend?
ส่วนสำนวนที่ใช้ตอบก็เป็น past tense คือกริยาเป็นช่องที่ 2 นั่นเอง เช่น
- It was fun.
- Yes, I went shopping with my friends.
- I did my homework and studied for my test.
ยังไงก็ลองสังเกตดูที่คำที่เป็นสีเขียวนะครับ หากว่าเข้าใจก็ข้ามไปอ่านบทที่ 8 เลยนะครับ
แต่หากยังไม่เข้าใจ มาเถอะเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังเพิ่มเติมนะครับ
- Forms of past simple tense
การทำความเข้าใจรูปแบบ หรือโครงสร้างของ tense นี้นั้น ไม่ยาก เดินตามขั้นตอนนี้นะครับ
เริ่มรูปแบบประโยคที่เป็น Main verbs นะครับ
1. ประโยคบอกเล่า = ประธาน + กริยาช่อง 2 (ย้ำว่า กริยาต้องเป็นช่อง 2 เท่านั้นนะครับ)
--I called you many times yesterday.
-- He painted this picture last month.
2. ประโยคปฏิเสธ = ประธาน + did not + base form (กริยารูปเดิม)
-- I did not call you many times yesterday.
-- He did not paint this picture last month.
3. ประโยคคำถาม = did + ประธาน + base form (กริยารูปเดิม)...?
-- Did I call you many times yesterday?
-- Did he paint this picture last month?
แต่หากกริยาในประโยคเป็น v. to be รูปแบบก็จะต่างกันเพียงเล็กน้อย ดังนี้
1. ประโยคบอกเล่า = ประธาน + was/ were (ตามประธานนะครับ)
--I was happy to know the result.
-- They were in the pool all morning.
2. ประโยคปฏิเสธ = ประธาน + was/were not...
--I was not happy to know the result.
-- They were not in the pool all morning.
3. ประโยคคำถาม = Was/ Were + ประธาน + ...?
--Was I happy to know the result?
-- Were they in the pool all morning?
อย่าลืมนะครับ ถ้ามี v. to be ในประโยคปฏิเสธ เอา not มาวางไว้หลัง was หรือ were ได้เลย
ในประโยคคำถาม เอา ประธาน กับ was /were สลับกันได้เลยครับ
**********************************************************
****************บทสุดท้ายคือ Shopping*****************
ในบทนี้ ก็มีหัวข้อที่สำคัญที่ควรแก่การทำความเข้าใจดังนี้ครับ
1. สำนวนเกี่ยวกับ Shopping
มาดูสำนวนของทั้งลูกค้าและคนขายกันเลยนะครับ
A: Excuse me, could I have a look at that watch, please?
B: Certainly. Here you are.
A: Thank you. How much does it cost?
B: It’s 2500 baht.
ที่เห็นสีเขียวนั่นหมายถึง สามารถเปลี่ยนได้ ตามสิ่งที่เราอยากทราบ หรือ อยากซื้อ ส่วนคำที่เป็นสีเขียวตัวที่สองนั้นสอดคล้องกับประโยคข้างต้นว่าพูดถึงอะไร ในที่นี้พูดถึง that watch ซึ่งเป็นเอกพจน์ (singular) ครับผม
ที่เหลือก็ไปดูในหนังสือเพิ่มเติมนะครับ
2. Present perfect tense
วิธีการทำความเข้าใจก็คล้ายกับ tense ทั่วไป คือ รูปแบบ(forms) และรูปกริยา (verb form) ดังนี้ครับ
1. ประโยคบอกเล่า = ประธาน + have/ has +กริยาช่อง 3 (ใช้ have หรือ has ตามประธานนะครับ)
--I have called you two times today.
-- He has painted this picture since last month.
2. ประโยคปฏิเสธ = ประธาน + have/ has not + กริยาช่อง 3
-- I have not called you two times yesterday.
-- He has not painted this picture since last month.
3. ประโยคคำถาม = Have/ Has + ประธาน + กริยาช่อง 3...?
-- Have you called me two times since yesterday?
-- Has he painted this picture for two months?
สังเกตดูนะครับ สีแดงคือประธานและสีเขียวคือรูปกริยา ที่มีความสอดคล้องกันดังตัวอย่างนะครับ
3. How many และ How much
ง่ายๆ อย่างนี้ครับ
- How many + plural count nouns (นามนับได้พหูพจน์)
- How much + uncount nouns (นามนับไม่ได้)
ดูตัวอย่างนะครับ
How many students are there in this class?
How much bread will you take?
ก่อนจะฝึกทำแบบฝึกหัด อย่าลืมนะครับว่า
1. สำนวน คือประโยคถาม-ตอบ เช่น ถ้าคำถามแบบนี้ ควรจะตอบอย่างไร หรือถ้าคำตอบแบบนี้ ควรจะถามอย่างไร
2. รูปแบบและกริยา 3 ช่องต้องแม่นนะครับ
3. คำศัพท์ ต้องอ่านประโยคให้เข้าใจจึงจะหาคำศัพท์ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

เอาละครับ คราวนี้ลองมาทำแบบทดสอบดูนะครับ

1. A: _________________________.

....B: Yes, I do.

a. How do you think of your major?

b. How do you find your friends?

c. Do you like CRU?

d. How do you like your university?

2. A: How do you find your university?

....B: ________________________.

a. Yes, I find.

b. Yes, I like.

c. I like studying here.

d. No, I don't think so.

3. A: Excuse me, ______________________

....B: It’s on Rachadapisek Road.

a. where Don Muang is, please?

b. where is Don Muang, please?

c. how is Don Muang, please?

d. am I looking for Don Muang, please.

4. A: How was your last weekend?

....B: _______________________

a. I go shopping at a supermarket.

b. I have gone shopping at a supermarket.

c. I was going shopping at a supermarket.

d. I went shopping at a supermarket.

5. A: Excuse me, ___________________________

....B: Certainly. Here you are.

....A: Thank you. How much do they cost?

a. could I have a look at that watch, please?

b. could I have a look at those shoes, please?

c. How many shoes have you got, please?

d. How much would you like, please?

6. I think the food here is ___________.

a. beautiful

b. delicious

c. handsome

d. exciting

7. Which sentence is not correct?

a. I went to concert last week.

b. I have been to Chiang Mai for two weeks.

c. I have yet gone to London since 2001.

d. He has just visited his parents this week.



8. You can see it to the left when you leave the railway station. Just turn left, go to the corner with the roundabout and turn right. It's just there, on the left. What is it?
a. A bus station
b. Shops
c. School
d. hotel
เป็นอย่างไรบ้างครับ ทำได้ไหมครับ