สวัสดีผู้อ่านที่หน้าตาดีทุกคน
เท่าที่สังเกตดูนะครับจะเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้นักศึกษาเรียนวิชา formsฯ แล้วไม่เข้าใจเพราะไม่มีวิธีการ 4 ขั้นนี้ (หรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้) นั่นก็คือ
1. Forms หรือรูปแบบ -การทำความเข้าใจรูปแบบนั้น ให้ไปสังเกตดูที่รูปกริยา (verb forms) ของแต่ละ tense ว่ามันมีรูปแบบอย่างไร แตกต่างจาก tense อื่นตรงไหน อย่างไร แต่ผมไม่แนะนำให้ท่องจำ เพราะถ้าท่องได้แล้วไม่เข้าใจ สอบเสร็จก็ลืม แต่ถ้าท่องได้ด้วย เข้าใจด้วย หลับตาเห็น อย่างนี้โอเค หนับหนุนครับ ลองหลับตานะครับ ถ้าหลับตาแล้วมองเห็นรูปแบบของ tense นั่นแสดงว่าเราเข้าใจ หรือลองหัดเขียนลงบนกระดาษเปล่าๆ โดยไม่ต้องดู ถ้าเขียนได้ก็โอเค ถ้าเขียนไม่ได้ลองไปทำความเข้าใจใหม่ทุก tense เลย แล้วหัดเขียนอีก ลองทำไปเรื่อยๆ นะครับ ถ้าไม่ได้อย่าหยุดนะครับ
2. Use หรือการใช้ - การทำความเข้าใจการใช้นั้น ให้นึกถึงสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ว่าเป็นเหตุการณ์อย่างไร แบบไหน (กลับไปทบทวนการใช้ให้แม่นๆนะครับ)ซึ่งมักจะมาคู่กับข้อต่อไป
3. Note หรือข้อสังเกต - ในแต่ละ tense นั้นก็จะมีคำหรือกริยาวิเศษณ์ต่างๆ ให้เราสังเกตเช่น ใน past simple มักจะมี adverbs of time ที่เป็นอดีตเช่น yesterday, last (time) หรือ (time) ago อย่างนี้เป็นต้น
4. Sentence or Situation Analysis หรือการวิเคราะห์ประโยคหรือสถานการณ์ - ลำดับนี้จะทำไม่ได้เลย หากใน3 ข้อข้างต้นนั้นเรายังทำไม่ได้ เนื่องจากว่า บางประโยคนั้น มีถึง 2 tense ความยากก็จะหนักเป็นทวีคูณ ถามตัวเองก่อนนะครับว่า 3 ข้อข้างต้นนั้น โอเคหรือยัง ถ้ายังก็ไปทบทวนให้ขึ้นใจก่อนนะครับ
ส่วนใครที่โอเคแล้ว ลองวิเคราะห์ประโยคต่างๆเหล่านี้ดูนะครับ
1. I _________ (have lost / has lost/ lost/ loses) my purse. I can't find it anywhere.
เลือก have lost เพราะ 1. ใช้กับประธาน I ( I have...ไม่ใช่ I has...) 2. กระเป๋าสตางค์หายมาตั้งแต่อดีต จนป่านนี้ยังหาไม่เจอ (I can't find it anywhere.) เป็นไง แจ่มไหมครับ
2. The match ________ (have started/ has started / started/ starts). They are playing now.
เลือก has started เพราะ 1. ใช้กับประธาน the match ซึ่งเป็นเอกพจน์ ( The match has started...) 2. การแข่งขันนั้นได้เกิดมาตั้งแต่อดีตจนถึงป่านนี้ก็ยังเล่นอยู่
3. Business people travel a lot. Prasit has travelled all over the world. His father travelled on business too, but not so much.
เราใช้รูป present perfect simple เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประสิทธิ์ได้เดินทางไปทุกประเทศทั่วโลก ส่วนอีกประโยคเราใช้ past simple เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดและจบไปตั้งแต่อดีตแล้ว
4. Jenny doesn't know where her watch is. She has lost it.
คล้ายข้อ 2 คือใช้ present perfect simple
5. A: I want to call Pranee, but I don't have her telephone number.
B: I have it. I will tell you.
เราใช้ will เนื่องจากว่า ที่ตัดสินใจว่าจะบอกเบอร์โทรศัพท์ ก็ตอนที่ได้ยินอีกคนพูดว่า “ไม่มีเบอร์โทรศัพท์” คือตัดสินใจในเวลานั้นนั่นเอง
เพราะฉะนั้น การที่จะทำความเข้าใจได้เร็ว และสามารถวิเคราะห์ประโยคหรือสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ก็ขอฝากเอาไว้นะครับ ไปทบทวนให้แม่นยำนะครับ และขอให้ใช้วิธีการนี้กับการทดสอบไวยากรณ์ทุกครั้งนะครับ Good luck and Goodbye!
เท่าที่สังเกตดูนะครับจะเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้นักศึกษาเรียนวิชา formsฯ แล้วไม่เข้าใจเพราะไม่มีวิธีการ 4 ขั้นนี้ (หรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้) นั่นก็คือ
1. Forms หรือรูปแบบ -การทำความเข้าใจรูปแบบนั้น ให้ไปสังเกตดูที่รูปกริยา (verb forms) ของแต่ละ tense ว่ามันมีรูปแบบอย่างไร แตกต่างจาก tense อื่นตรงไหน อย่างไร แต่ผมไม่แนะนำให้ท่องจำ เพราะถ้าท่องได้แล้วไม่เข้าใจ สอบเสร็จก็ลืม แต่ถ้าท่องได้ด้วย เข้าใจด้วย หลับตาเห็น อย่างนี้โอเค หนับหนุนครับ ลองหลับตานะครับ ถ้าหลับตาแล้วมองเห็นรูปแบบของ tense นั่นแสดงว่าเราเข้าใจ หรือลองหัดเขียนลงบนกระดาษเปล่าๆ โดยไม่ต้องดู ถ้าเขียนได้ก็โอเค ถ้าเขียนไม่ได้ลองไปทำความเข้าใจใหม่ทุก tense เลย แล้วหัดเขียนอีก ลองทำไปเรื่อยๆ นะครับ ถ้าไม่ได้อย่าหยุดนะครับ
2. Use หรือการใช้ - การทำความเข้าใจการใช้นั้น ให้นึกถึงสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ว่าเป็นเหตุการณ์อย่างไร แบบไหน (กลับไปทบทวนการใช้ให้แม่นๆนะครับ)ซึ่งมักจะมาคู่กับข้อต่อไป
3. Note หรือข้อสังเกต - ในแต่ละ tense นั้นก็จะมีคำหรือกริยาวิเศษณ์ต่างๆ ให้เราสังเกตเช่น ใน past simple มักจะมี adverbs of time ที่เป็นอดีตเช่น yesterday, last (time) หรือ (time) ago อย่างนี้เป็นต้น
4. Sentence or Situation Analysis หรือการวิเคราะห์ประโยคหรือสถานการณ์ - ลำดับนี้จะทำไม่ได้เลย หากใน3 ข้อข้างต้นนั้นเรายังทำไม่ได้ เนื่องจากว่า บางประโยคนั้น มีถึง 2 tense ความยากก็จะหนักเป็นทวีคูณ ถามตัวเองก่อนนะครับว่า 3 ข้อข้างต้นนั้น โอเคหรือยัง ถ้ายังก็ไปทบทวนให้ขึ้นใจก่อนนะครับ
ส่วนใครที่โอเคแล้ว ลองวิเคราะห์ประโยคต่างๆเหล่านี้ดูนะครับ
1. I _________ (have lost / has lost/ lost/ loses) my purse. I can't find it anywhere.
เลือก have lost เพราะ 1. ใช้กับประธาน I ( I have...ไม่ใช่ I has...) 2. กระเป๋าสตางค์หายมาตั้งแต่อดีต จนป่านนี้ยังหาไม่เจอ (I can't find it anywhere.) เป็นไง แจ่มไหมครับ
2. The match ________ (have started/ has started / started/ starts). They are playing now.
เลือก has started เพราะ 1. ใช้กับประธาน the match ซึ่งเป็นเอกพจน์ ( The match has started...) 2. การแข่งขันนั้นได้เกิดมาตั้งแต่อดีตจนถึงป่านนี้ก็ยังเล่นอยู่
3. Business people travel a lot. Prasit has travelled all over the world. His father travelled on business too, but not so much.
เราใช้รูป present perfect simple เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประสิทธิ์ได้เดินทางไปทุกประเทศทั่วโลก ส่วนอีกประโยคเราใช้ past simple เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดและจบไปตั้งแต่อดีตแล้ว
4. Jenny doesn't know where her watch is. She has lost it.
คล้ายข้อ 2 คือใช้ present perfect simple
5. A: I want to call Pranee, but I don't have her telephone number.
B: I have it. I will tell you.
เราใช้ will เนื่องจากว่า ที่ตัดสินใจว่าจะบอกเบอร์โทรศัพท์ ก็ตอนที่ได้ยินอีกคนพูดว่า “ไม่มีเบอร์โทรศัพท์” คือตัดสินใจในเวลานั้นนั่นเอง
เพราะฉะนั้น การที่จะทำความเข้าใจได้เร็ว และสามารถวิเคราะห์ประโยคหรือสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ก็ขอฝากเอาไว้นะครับ ไปทบทวนให้แม่นยำนะครับ และขอให้ใช้วิธีการนี้กับการทดสอบไวยากรณ์ทุกครั้งนะครับ Good luck and Goodbye!
